TCAS รอบไหนเหมาะกับคุณ? เปรียบเทียบรอบ 1-4 แบบเข้าใจง่าย

📢 การเลือกสมัคร TCAS ให้เหมาะกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละรอบมีเงื่อนไขการรับสมัครแตกต่างกัน หากเลือกรอบที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดคณะในฝัน! บทความนี้จะช่วยให้คุณ เปรียบเทียบ TCAS รอบ 1-4 และตัดสินใจว่ารอบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ


🎓 TCAS คืออะไร และทำไมต้องมีหลายรอบ?

TCAS (Thai University Central Admission System) เป็นระบบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแบบรวมศูนย์ แบ่งเป็น 4 รอบหลัก เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนสมัครเข้าเรียนในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น

📌 ทำไม TCAS ต้องมีหลายรอบ?
✅ ช่วยให้นักเรียนมี ทางเลือกมากขึ้น
✅ กระจายโอกาสในการเข้าศึกษาต่อ
✅ รองรับนักเรียนที่มี จุดแข็งที่แตกต่างกัน


🔍 เปรียบเทียบ TCAS แต่ละรอบแบบละเอียด

รอบ เหมาะกับใคร? ข้อดี ข้อควรระวัง
รอบที่ 1: Portfolio - นักเรียนที่มีผลงานเด่น - มีความสามารถพิเศษ - มีแฟ้มสะสมผลงานที่น่าสนใจ ✅ ไม่ต้องใช้คะแนนสอบ ✅ โอกาสติดสูงถ้ามี Portfolio ดี ✅ รู้ผลเร็ว ❌ ต้องเตรียมแฟ้มสะสมผลงานล่วงหน้า ❌ เกณฑ์แต่ละมหาวิทยาลัยแตกต่างกัน
รอบที่ 2: Quota - นักเรียนที่อยู่ใน พื้นที่โควตา - ต้องการสมัครในมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน - มีคะแนนสอบดีในระดับหนึ่ง ✅ โควตาพื้นที่ช่วยเพิ่มโอกาสติด ✅ ใช้คะแนนสอบน้อยกว่ารอบ 3 ✅ การแข่งขันต่ำกว่ารอบ 3 ❌ ต้องตรวจสอบเงื่อนไขคุณสมบัติ ❌ บางคณะอาจมีสอบเพิ่มเติม
รอบที่ 3: Admission - นักเรียนที่มีคะแนนสอบดี - ต้องการใช้ คะแนนสอบเป็นหลัก - ต้องการเลือกหลายมหาวิทยาลัย ✅ สมัครได้หลายอันดับ ✅ ระบบคัดเลือกโปร่งใส แข่งขันด้วยคะแนน ✅ มีที่นั่งเยอะ ❌ การแข่งขันสูง ❌ ต้องสอบหลายวิชา ❌ คะแนนต่ำอาจมีโอกาสติดน้อย
รอบที่ 4: Direct Admission - ผู้ที่ยังไม่มีที่เรียน - ต้องการโอกาสเพิ่มเติม - มีคุณสมบัติตรงตามที่คณะต้องการ ✅ โอกาสสุดท้ายในการเข้ามหาวิทยาลัย ✅ บางคณะมีที่นั่งเหลือเยอะ ✅ เกณฑ์บางมหาวิทยาลัยอาจยืดหยุ่นกว่า ❌ ที่นั่งอาจมีจำกัด ❌ ต้องตัดสินใจเร็ว ❌ อาจมีค่าใช้จ่ายในการสมัครสูง

📊 เปรียบเทียบคะแนนที่ใช้ในแต่ละรอบ

รอบ คะแนนที่ใช้ น้ำหนักคะแนน
รอบ 1: Portfolio ใช้แฟ้มสะสมผลงาน ไม่ต้องใช้คะแนนสอบ
รอบ 2: Quota TGAT/TPAT, วิชาสามัญ ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
รอบ 3: Admission TGAT/TPAT, วิชาสามัญ, A-Level คะแนนรวม 100%
รอบ 4: Direct Admission ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย แตกต่างกันตามคณะ

📌 หมายเหตุ: แต่ละมหาวิทยาลัยอาจกำหนดเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ควรตรวจสอบเงื่อนไขของคณะที่ต้องการสมัคร


💡 TCAS รอบไหนมีโอกาสติดมากที่สุด?

รอบที่ 1 (Portfolio): เหมาะกับคนที่ มีผลงานเด่น และไม่อยากสอบแข่งขัน
รอบที่ 2 (Quota): เหมาะกับคนที่ อยู่ในพื้นที่โควตา และต้องการใช้คะแนนน้อยกว่า Admission
รอบที่ 3 (Admission): เหมาะกับคนที่ มีคะแนนสอบดี และต้องการเลือกหลายมหาวิทยาลัย
รอบที่ 4 (Direct Admission): เหมาะกับคนที่ ต้องการโอกาสสุดท้าย ในการสมัครเข้าเรียน

📌 ถ้าคุณมีผลงานดี → เลือกสมัครรอบ 1
📌 ถ้าคุณมีโควตา → ใช้สิทธิ์รอบ 2
📌 ถ้าคุณมั่นใจคะแนนสอบ → แข่งขันรอบ 3
📌 ถ้ายังไม่มีที่เรียน → ใช้โอกาสรอบ 4


📝 วางแผนสมัคร TCAS อย่างไรให้ได้เปรียบ?

📌 1. ประเมินตัวเอง – ดูว่าตัวเองมี Portfolio ดีหรือไม่? หรือจะเน้นคะแนนสอบ?
📌 2. ตรวจสอบเกณฑ์การรับสมัคร – เช็คว่าคณะ/มหาวิทยาลัยที่ต้องการรับสมัครรอบไหน
📌 3. เตรียมตัวล่วงหน้า – ไม่ว่าคุณจะสมัครรอบไหน ควร เตรียมเอกสารและคะแนนสอบให้พร้อม
📌 4. สมัครทุกรอบที่มีโอกาส – อย่าเลือกแค่รอบเดียว เผื่อโอกาสไว้รอบอื่น
📌 5. มีแผนสำรองเสมอ – หากไม่ติดรอบแรก ควรมี ตัวเลือกสำรอง เพื่อไม่ให้พลาดมหาวิทยาลัยที่ต้องการ


❓ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ TCAS

Q: TCAS รอบไหนมีโอกาสติดมากที่สุด?

A: ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

  • รอบ 1 เหมาะกับผู้ที่มี Portfolio เด่น
  • รอบ 2 เหมาะกับผู้ที่ มีโควตาพื้นที่
  • รอบ 3 เหมาะกับผู้ที่ มีคะแนนสอบสูง
  • รอบ 4 เป็น โอกาสสุดท้าย ที่ยังมีที่นั่งว่าง

Q: ถ้าไม่ติดรอบ 1 ควรทำอย่างไร?

A: เตรียมตัวสอบ TGAT, TPAT และ A-Level เพื่อลุ้นโอกาสในรอบ 2 และ 3

Q: ถ้าเลือกสมัครรอบ 3 แล้วยังไม่ติด ควรสมัครรอบ 4 หรือไม่?

A: แนะนำให้สมัคร รอบ 4 Direct Admission หากยังไม่มีที่เรียน


📢 สรุป: TCAS รอบไหนเหมาะกับคุณ?

📌 TCAS มี 4 รอบ แต่ละรอบเหมาะกับนักเรียนที่มีคุณสมบัติต่างกัน
Portfolio (รอบ 1) – เหมาะกับนักเรียนที่ มีผลงานโดดเด่น
Quota (รอบ 2) – เหมาะกับนักเรียนที่ อยู่ในพื้นที่โควตา
Admission (รอบ 3) – เหมาะกับนักเรียนที่ มีคะแนนสอบดี
Direct Admission (รอบ 4) – เป็น โอกาสสุดท้าย สำหรับคนที่ยังไม่มีที่เรียน

💡 วางแผนให้ดี เลือกรอบให้เหมาะสม แล้วเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคว้าโอกาสในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในฝันของคุณ! 🎓✨

📢 ขอให้น้อง ๆ ทุกคนโชคดีในการสมัคร TCAS! 🚀